“ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ” นี่คือวิสัยทัศน์ของผู้นำในหลายประเทศ รวมไปถึงนักลงทุนหลายคนทั่วโลก ที่มักจะแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในยามวิกฤต เฉกเช่นในปัจจุบันที่ทั้งโลกกำลังอยู่ท่ามกลางปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งในเวลาเดียวกัน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ก็ได้มองเห็นโอกาส และการลงทุนครั้งใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศด้วยพลังงานสะอาดของสหรัฐอเมริกา
ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ โจ ไบเดน เป้าหมายของเขาที่จะกระทำต่อสหรัฐอเมริกา เรื่องแรกคือการฉีดวัคซีนให้เกินเป้าหมายที่เคยวางไว้ที่ 1 ล้านโดสต่อวันซึ่งปัจจุบันทะลุ 1.5 ล้านโดสต่อวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ประมาณการไว้ถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังถูกผลักดันอย่างเต็มความสามารถ และเป้าหมายที่ 3 ซึ่งมีความสำคัญกับผู้คนทั่วโลก เพราะมีผลกระทบที่ดีต่อเนื่องกัน นั่นคือเรื่องของแผนการพัฒนาประเทศด้วย “พลังงานสะอาด”
สัญญาณล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีการผลักดันมาตรการระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อลดทอนภาวะโลกร้อน เช่น การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกก็มองว่าเรื่องนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของประเทศมหาอำนาจ ทั้งนี้รัฐบาลได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2021 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติพลังงานสะอาด ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 จุดหลักๆ ด้านการใช้พลังงานสะอาด
1. การสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดการใช้น้ำมันและพลังงานที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสภาวะโลกร้อน และคาดว่ายอดขายรถยนต์นั่งและรถบรรทุกทั่วโลกในปี ค.ศ. 2021 จะเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านคัน และยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าEV จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 ล้านคัน
2. การสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดจะถูกผลักดัน และสามารถดึงนักลงทุนรวมไปถึงเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากทั่วโลกได้ ซึ่งต่อจากนี้สหรัฐอเมริกาจะหันมาใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 5% ของกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าในวันนี้ เป็น 25% ในปี ค.ศ. 2035 และเกือบ 50% ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์ โดยเฉพาะจีนที่เป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ถึง 72% ของการผลิตทั่วโลก และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรีลิเธียมไอออนและกังหันลมทั่วโลก ซึ่งหากมองในมุมของเศรษฐกิจโลกหากเกิดความร่วมมือกันอย่างจริงจัง จะส่งผลดีทั้งด้านเศรษฐกิจจากเม็ดเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ และส่งผลดีต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลกด้วยเช่นกัน
3. การลงทุนในธุรกิจสีเขียวจะเฟื่องฟู โดย Clean Energy Revolution ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเงิน กล่าวคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเริ่มเข้าสู่ขาลงและไม่ยั่งยืนอีกต่อไป ซึ่งสหรัฐอเมริกาประเมินว่าในระยะต่อไปความสนใจในการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดจะเฟื่องฟูต่อเนื่องตามกระแส Clean Energy Revolution ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้กองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาดจะได้รับความสนใจในการลงทุนมากขึ้น และแน่นอนส่งผลดีต่อโลกแน่นอน
พลังงานสะอาดคือคลื่นลูกใหม่ ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามองและเห็นความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นกับการเริ่มต้นแล้วในประเทศมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือประเทศจีน ซึ่งล้วนมองเห็นความสำคัญของพลังงานสะอาดมากขึ้น เฉกเช่นกับวิสัยทัศน์ของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในประเทศไทยที่มองเห็นและทำหน้าที่ขับเคลื่อน สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานขยะ พลังงานก๊าซชีวมวล และก๊าซชีวภาพที่เหมาะสมกับพื้นที่และศักยภาพในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น
Comments